สายทำ SEO ต้องรู้ ทำไมการทำ SEO ต้องใช้ไฟล์ Webp และดีอย่างไร

ปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลผ่านเว็บไซต์เป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันจึงทำให้ การทำ SEO (Search Engine Optimization) ยังคงเป็นกลยุทธ์หลักสำหรับผู้ที่ต้องการดึงดูดผู้ชมมายังเว็บไซต์ของตน เพราะการแข่งขันในการดันเว็บไซต์ให้อยู่ในอันดับต้น ๆ บนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) อย่าง Google ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เนื้อหาที่ดีหรือคำค้นหาที่เหมาะสมอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เช่น ความเร็วในการโหลด และประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในเทคนิคสำคัญที่ได้รับการแนะนำในปี 2025 คือการใช้ ไฟล์ WebP สำหรับรูปภาพบนเว็บไซต์โดยไฟล์ WebP ไม่ได้เป็นเพียงแค่รูปแบบไฟล์ภาพใหม่ แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการปรับปรุง SEO และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของเว็บไซต์

ในบทความนี้ เราจึงจะมาอธิบายถึงเหตุผลที่สายทำ SEO ต้องรู้ ทำไมการทำ SEO ต้องใช้ไฟล์ Webp และดีอย่างไรต่อการทำ SEO ในปี 2025 และผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการเปลี่ยนมาใช้รูปแบบไฟล์นี้ ดังนี้

WebP คืออะไร?

WebP เป็นรูปแบบไฟล์ภาพที่พัฒนาโดย Google ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ รูปแบบนี้มีความสามารถในการบีบอัดภาพได้ทั้งแบบ Lossy และ Lossless โดยยังคงคุณภาพของภาพไว้ได้ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับรูปแบบดั้งเดิม เช่น JPEG และ PNG

คุณสมบัติเด่นของ WebP มีอะไรบ้าง?

1.        ไฟล์ขนาดเล็กลง เพราะไฟล์ WebP สามารถลดขนาดไฟล์ได้ถึง 25-34% เมื่อเทียบกับ JPEG และ PNG โดยที่ยังคงคุณภาพใกล้เคียงเดิม

2.        รองรับ Transparency เช่นเดียวกับ PNG แต่มีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่ามาก

3.        รองรับ Animation เช่นเดียวกับ GIF แต่ไฟล์เล็กกว่าและลื่นไหลกว่า

4.        รองรับทุกเบราว์เซอร์หลัก โดยในปัจจุบัน WebP สามารถแสดงผลได้ในเบราว์เซอร์ยอดนิยม เช่น Chrome, Edge, Firefox และ Safari

ทำไม WebP ถึงสำคัญต่อ SEO?

1. ช่วยเพิ่มความเร็วเว็บไซต์

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ SEO คือความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ ไฟล์ภาพมักเป็นส่วนที่ใช้ทรัพยากรสูงที่สุดในการโหลด WebP ซึ่งมีขนาดไฟล์เล็กกว่าทำให้ลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บ เพราะปัจจุบันเว็บไซต์ที่โหลดเร็วขึ้นมีโอกาสดึงดูดผู้ชมให้อยู่บนหน้าเว็บนานขึ้น ลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) และเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion ให้กับเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย

2. ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น

ภาพที่คมชัดและโหลดเร็วช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้งาน หากเว็บไซต์ของคุณตอบสนองได้ดี ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะกลับมาเยี่ยมชมอีกครั้งหรือสำรวจเนื้อหาเพิ่มเติม ซึ่ง Google จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้เป็นอันดับแรก

3. ลดการใช้แบนด์วิดท์

การโหลดภาพที่มีขนาดเล็กลงช่วยลดการใช้ทรัพยากรเครือข่าย ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าของเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำหรืออุปกรณ์มือถือในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่อจำกัด

4. Google ให้การสนับสนุน

ในฐานะที่ WebP เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Google เอง รูปแบบนี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องมือค้นหา การใช้ WebP อาจช่วยให้ Googlebot จัดการกับไฟล์ภาพบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการจัดอันดับ SEO โดยตรง

วิธีการนำ WebP มาใช้ในเว็บไซต์ของคุณ สามารถทำได้ดังนี้

1. การแปลงไฟล์ภาพเป็น WebP

มีหลายเครื่องมือและโปรแกรมที่สามารถแปลงไฟล์ JPEG หรือ PNG ให้เป็น WebP ได้ เช่น

• Google’s WebP Converter ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ง่ายและรวดเร็ว
• TinyPNG และ Squoosh สำหรับการบีบอัดภาพออนไลน์
• Photoshop Plugins สำหรับนักออกแบบที่ต้องการแปลงไฟล์ภายในซอฟต์แวร์

2. การเพิ่ม WebP ในเว็บไซต์

หลังจากแปลงไฟล์แล้ว คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ WebP ไปยังเว็บไซต์ของคุณได้โดยตรง หรือใช้ปลั๊กอินสำหรับระบบ CMS เช่น WordPress เช่น

• Smush Pro
• ShortPixel
• Imagify

ในปี 2025 และอนาคต การปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์จะกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อ Google ให้ความสำคัญกับ Core Web Vitals มากขึ้น ทำให้ WebP ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังทำให้เว็บไซต์ของคุณพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น การเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานอุปกรณ์มือถือและความคาดหวังต่อเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว ทำให้การนำ WebP มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ SEO เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับเว็บไซต์ของคุณในหลายมิติ ตั้งแต่ความเร็วในการโหลด ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ไปจนถึงการลดต้นทุนในการบริหารเว็บไซต์ โดยเฉพาะในปี 2025 ที่การจัดอันดับ SEO มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ไฟล์ WebP จึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการความได้เปรียบและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต