แนะนำการใช้งาน WordPress ในการสร้างระบบร้านค้าและทำการตลาดออนไลน์ P.2

auttaphon auttaphon |

Picture of the FreepickPicture of the Freepick109 views

 

แนะนำการใช้งาน WordPress ในการสร้างระบบร้านค้าและทำการตลาดออนไลน์ Part 2

1.สร้างระบบร้านค้า Woocommerce 

การสร้างระบบร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce เป็นขั้นตอนที่ทำให้คุณสามารถขายสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราได้รวบรวมขั้นตอนอย่างละเอียดมาให้คุณดังนี้

1.1 ติดตั้งและเปิดใช้งาน WooCommerce

  • เปิด WordPress และเข้าไปในหน้าแดชบอร์ดของ WordPress และไปที่ "ปลั๊กอิน" (Plugins) และคลิกที่ "เพิ่มปลั๊กอิน" (Add New)
  • ค้นหา "WooCommerce" และคลิกที่ "ติดตั้ง" (Install) และ "เปิดใช้งาน" (Activate)

1.2 การตั้งค่า WooCommerce

  • เมื่อ WooCommerce ถูกเปิดใช้งาน, คุณจะได้รับการแนะนำให้ตั้งค่าพื้นฐาน เช่น สกุลเงิน, โซนขนส่ง, การชำระเงิน, และเนื้อหาของร้านค้า
  • คุณสามารถเข้าสู่หน้า "WooCommerce" ในแดชบอร์ดเพื่อปรับแต่งร้านค้าของคุณเพิ่มเติม

1.3 เพิ่มสินค้าและหมวดหมู่

  • ไปที่ "สินค้า" (Products) ในแดชบอร์ด WooCommerce เพื่อเพิ่มสินค้าและหมวดหมู่ของสินค้า
  • สร้างรายการสินค้า, ระบุราคา, รูปภาพ, รายละเอียด, และหมวดหมู่เพื่อจัดการสินค้าของคุณ

1.4 ตั้งค่าการชำระเงิน

  •  ไปที่ "การชำระเงิน" (Payment) ใน WooCommerce เพื่อตั้งค่าวิธีการชำระเงิน ซึ่งรวมถึง PayPal, โอนเงิน, และอื่น ๆ
  • คุณสามารถเลือกวิธีการชำระเงินที่คุณต้องการใช้ และปรับแต่งการตั้งค่าตามความต้องการของคุณได้

1.5 ตั้งค่าการขนส่ง

  • ไปที่ "การขนส่ง" (Shipping) ใน WooCommerce เพื่อตั้งค่าวิธีการขนส่งสินค้าของคุณ ซึ่งรวมถึงค่าจัดส่ง, โซนขนส่ง, และตัวเลือกการส่งสินค้า

1.6 ปรับแต่งร้านค้า

  • ใช้ธีมที่เหมาะกับร้านค้าของคุณ เพื่อให้มีรูปแบบและสไตล์ที่คุณต้องการ
  • ปรับแต่งหน้าร้านค้าของคุณเพื่อแสดงสินค้า, หมวดหมู่, และรายการสินค้าให้ผู้เยี่ยมชมได้มากขึ้น

1.7 ทดสอบร้านค้า

  • ทดสอบร้านค้าของคุณโดยการทำการสั่งซื้อและชำระเงิน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานอย่างถูกต้อง

1.8 เปิดใช้งานร้านค้า

  • เมื่อคุณมั่นใจว่าร้านค้าของคุณทำงานอย่างถูกต้องและพร้อมใช้งาน คุณสามารถเปิดใช้งานร้านค้าและเริ่มขายสินค้าของคุณออนไลน์ได้ทันที

1.9 จัดการการอัปเดตและทำสต็อก

  • อย่าลืมจัดการสต็อกสินค้าและติดตามรายการสินค้าที่ขายไป
  • ทำการอัปเดต WooCommerce, ปลั๊กอิน, และธีมของคุณอย่างสม่ำเสมอ

1.10 สร้างเนื้อหาและการตลาด

  •  นอกเหนือจากการขายสินค้า, คุณอาจต้องสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เช่นบทความ, วิดีโอ, และการแสดงสินค้าเสริมเพื่อดึงดูดลูกค้า

การสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce เป็นขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพ และมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งร้านค้าของคุณตามความต้องการของร้านค้าออนไลน์ของคุณเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสิทธิภาพในการขายสินค้าและบริการอย่างสูงที่สุด

 

แนะนำการใช้งาน WordPress ในการสร้างระบบร้านค้าและทำการตลาดออนไลน์ Part 2

2.ทำ SEO และทำการตลาดออนไลน์           

         การทำ SEO (Search Engine Optimization) และการตลาดออนไลน์เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มการเป็นที่รู้จักและเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตของเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมีขั้นตอนพื้นฐานในการทำ SEO และการตลาดออนไลน์ ดังนี้

2.1   การทำ SEO (Search Engine Optimization)

2.1.1 ระบุคีย์เวิร์ด (Keywords) ที่สำคัญ

  • หาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณที่คนอาจใช้ในการค้นหา

2.1.2 ปรับแต่งเนื้อหา

  • ใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหาของคุณ โดยเฉพาะในหัวข้อ, URL, และเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์ขอคุณ

2.1.3 สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ

  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ โดยการใส่คีย์เวิร์ดที่จำเป็นต่อเว็บไซต์ธุรกิจของคุณเพื่อให้เกิดการจัดอันดับและเกิดการปรากฏผลการค้นหาบนเว็บไซต์ของคุณ

2.1.4 สร้างลิงก์ภายในและภายนอก ( Internal and External Link )

  • สร้างลิงก์ภายในเว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์ของคุณ หากเป็นไปได้ควรหาลิงก์ภายนอกจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้คีย์เวิร์ดที่สำคัญ เพราะจะช่วยสร้างการจัดอันดับ SEO ของคุณให้เกิดการ Friendly มากยิ่งขึ้น

2.1.5 ปรับแต่งรูปแบบเว็บไซต์

  • เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ดีและใช้งานได้บนอุปกรณ์เครื่องมือและอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องมือทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการถูกจัดอันดับให้ตกลงในเวลาต่อมา

2.1.6 การเปิดรับการให้ Google เข้ามาทำการจัดอันดับ

  • ทำการร้องขอกับ Google Search Console และ Bing Webmaster Tools เพื่อตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณและนำเนื้อหาไปจัดอันดับ

2.2 การตลาดออนไลน์

2.2.1 สร้างเนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย

  • สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจบนโซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดผู้คนให้กดติดตามและกดเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์รวมไปถึงบัญชีธุรกิจของคุณบนโซเชียลมีเดีย

2.2.2 โฆษณาออนไลน์

  • ใช้โฆษณาบน Google Ads, Facebook Ads, Instagram Ads, Tiktok Ads หรือช่องอื่น ๆ เพื่อการเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มตลาดเป้าหมายของคุณ

2.2.3 Email Marketing

  • สร้างรายชื่อและส่งอีเมลของคุณให้กับลูกค้าและส่งข้อความรวมถึงข้อเสนอพิเศษผ่านอีเมล

2.2.4 การทำ SEO

  • การทำ SEO ยังมีผลกระทบในการตลาดออนไลน์เช่นกัน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเพื่อให้ผู้คนค้นหาและพบเว็บไซต์ของคุณมากยิ่งขึ้น

 

แนะนำการใช้งาน WordPress ในการสร้างระบบร้านค้าและทำการตลาดออนไลน์ Part 2

3.การเขียนบทความ

การเขียนบทความเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและสร้างความน่าสนใจจากการอ่านหรือการเข้าชมข้อมูลที่คุณแบ่งปันบนเว็บไซต์ของคุณ โดยการเขียนบทความให้ดูโดดเด่นและน่าสนใจมีดังนี้

3.1 เลือกหัวข้อที่น่าสนใจ

  • เริ่มด้วยการเลือกหัวข้อที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ซึ่งหัวข้อควรเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณ

3.2   วางโครงสร้างบทความ

  • สร้างโครงสร้างหรือแผนภาพสำหรับบทความของคุณ โดยรวมหัวข้อหลัก, ส่วนย่อย, และการจัดเรียงข้อมูล เพื่อให้ผู้อ่านได้อ่านและทำความเข้าใจตามลำดับ

3.3   เริ่มเขียนบทความ

  • ให้เริ่มเขียนข้อความของคุณตามโครงสร้างที่คุณได้สร้าง ซึ่งขอแนะนำให้เริ่มด้วยบทนำที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้อ่าน

3.4   ใช้ภาษาง่ายและชัดเจน

  • ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและมีความชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย

3.5   เพิ่มเนื้อหาที่มีคุณค่า

  • เพิ่มข้อมูลที่มีคุณค่า ที่สามารถช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้หรือได้รับความรู้ใหม่ ๆ

3.6 ใส่รูปภาพและสื่ออื่น ๆ

  • การใส่รูปภาพ, วิดีโอ, แผนภาพ, และสื่ออื่น ๆ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและแสดงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นให้กับเว็บไซต์ของคุณได้

3.7 สร้างแหล่งอ้างอิง

  • หากคุณใช้ข้อมูลหรือการวิจัยจากแหล่งอื่น, ให้ระบุแหล่งอ้างอิงเพื่อแสดงความเชื่อถือและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

3.8   เขียนหัวเรื่องส่วนย่อยที่น่าสนใจ

  • หัวข้อส่วนย่อยในบทความควรต้องเป็นคำที่น่าสนใจและดึงดูดผู้อ่าน

3.9 บรรยายด้วยข้อมูลสถิติ

  • หากเป็นไปได้, บรรยายด้วยข้อมูลสถิติ, ข้อมูลจำนวน, หรือเหตุการณ์จริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของบทความ

3.10 แก้ไขและปรับปรุง

  • หลังจากเสร็จสิ้นการเขียนให้ทำการแก้ไขและปรับปรุงบทความเพื่อให้มีคุณภาพและไม่มีข้อผิดพลาดด้วยการตรวจคำผิดที่เกิดขึ้น

3.11 ตรวจสอบ SEO

  • ตรวจสอบคีย์เวิร์ดและการจัดองค์ประกอบข้อมูลเพื่อตรวจสอบ SEO ของบทความว่าตรงต่ออัลกอริทึมของ Google หรือไม่

3.12 ตรวจสอบการรวบรวมข้อมูล

  • ทำการรวบรวมข้อมูลหรือการเชื่อมโยงกับบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำ SEO 1มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3.13 เผยแพร่บทความ

  • เมื่อบทความพร้อมให้ทำการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของคุณ เพียงเท่านี้ถือเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

            การทำเว็บไซต์ WordPress ให้มีองค์ประกอบทั้ง 3 ที่กล่าวไปนั้นถือเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างมาก เนื่องจากการทำเว็บไซต์จำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญเหล่านี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับการทำ SEO และการทำการตลาดออนไลน์ให้กับบริษัทของคุณซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญยังไม่หมดเพียงเท่านี้โปรติดตามข้อมูลการใช้ WordPress ในบทความถัดไป 

พื้นที่สำหรับโฆษณา

(ภาพโปรโมชัน สไลด 5-6 ภาพ)