1.เช็กเว็บให้พร้อมก่อนการใช้งานจริง
การเช็กเว็บไซต์ WordPress เพื่อให้มันพร้อมใช้งานจริงเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อช่วยให้คุณมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณทำงานอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีขั้นตอนในการทดสอบเบื้องต้นดังนี้
1.1 ทดสอบการทำงานบนทุกอุปกรณ์และเบราว์เซอร์
- ทดสอบเว็บไซต์ของคุณบนทุกชนิดของอุปกรณ์ (คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต) และบนทุกเบราว์เซอร์ที่คนใช้เข้าถึง (Chrome, Firefox, Safari, Edge) เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ทำงานอย่างถูกต้องและแสดงถูกต้อง.
1.2 ทดสอบความเร็วและประสิทธิภาพ
- ใช้เครื่องมือเช็กความเร็วเว็บไซต์เช่น Google PageSpeed Insights, GTmetrix, หรือ Pingdom เพื่อวัดความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณและทำการปรับปรุงตามคำแนะนำที่ได้รับ
1.3 ตรวจสอบการลิงก์
- ตรวจสอบว่าลิงก์ภายในและภายนอกทำงานอย่างถูกต้อง และระบุที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบการควบคุมการเชื่อมโยงอย่างถูกต้อง
1.4 ทดสอบการกระจายข้อมูลและฟอร์ม
- ทดสอบฟอร์มการติดต่อ, การสั่งซื้อสินค้า, หรือฟอร์มอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกส่งไปถูกต้องและถูกบันทึก
1.5 ตรวจสอบความปลอดภัย
- ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ของคุณ และหาแนวทางเพื่อป้องกันการบุกรุกหรือการโจมตี
1.6 ทดสอบการแสดงผลบนหน้าแรก
- ตรวจสอบการแสดงผลหน้าแรกและหน้าสินค้าหรือหน้าบริการหลัก เพื่อให้แน่ใจว่ามันมีรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย
1.7 ตรวจสอบ SEO
- ใช้เครื่องมือ SEO เช่น Screaming Frog SEO หรือ Ahrefs เพื่อตรวจสอบโครงสร้างข้อมูลของเว็บไซต์และการเชื่อมโยงว่าทำงานอย่างถูก
1.8 ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา
- ตรวจสอบคีย์เวิร์ด, การใช้คำที่ถูกต้อง, และเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ ว่ามีคำผิด หรือผิดพลาดตรงไหนหรือไม่
1.9 ทดสอบการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์
- ตรวจสอบการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับคุณและผู้ใช้งาน
1.10 ทดสอบการทำงานของระบบ e-commerce (หากเป็นร้านค้าออนไลน์)
- ทดสอบการสั่งซื้อสินค้า, การชำระเงิน, การจัดส่ง, และการจัดการสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานอย่างถูกต้อง
1.11 ทดสอบการสำรองข้อมูล
- ทำการสำรองข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำ เพื่อป้องกันข้อมูลจากการสูญหาย
1.12 ทดสอบความเข้ากันได้กับการทำ SEO และการตลาดออนไลน์
- ตรวจสอบการเข้ากันได้ของเว็บไซต์กับการทำ SEO และการตลาดออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์เหมาะสมสำหรับการสร้างประสิทธิภาพในการตลาดและสามารถรองรับลูกค้าที่เข้ามาได้
หลังจากที่คุณได้ทำการเช็กเว็บไซต์และแก้ไขปัญหาที่พบ คุณสามารถเปิดใช้งานเว็บไซต์ของคุณเพื่อการใช้งานจริง แต่อย่าลืมทำการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาเว็บไซต์ของคุณให้ใช้งานได้สม่ำเสมอและเพื่อการจัดอันดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง
2.เชื่อมต่อเว็บไซต์เข้ากับ Google
การเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณเข้ากับบริการ Google เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้คุณสามารถจัดการ และเรียกดูข้อมูลของเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงให้ข้อมูลปรากฏในผลการค้นหา Google และการใช้บริการ Google Analytics, Google Search Console, และ Google Ads
โดยสามารถทำตามขั้นตอนการเชื่อมต่อเว็บเข้ากับ Google ได้ดังนี้
2.1 สร้างบัญชี Google
- หากคุณยังไม่มีบัญชี Google, ให้สร้างบัญชี Google โดยไปที่ Google Account และทำการลงทะเบียน
2.2 เพิ่มเว็บไซต์ของคุณใน Google Search Console
2.3 ใส่ข้อมูลการเชื่อมต่อ Google Analytics
- ถ้าคุณใช้ Google Analytics, คุณสามารถเชื่อมต่อ Google Analytics กับ Google Search Console โดยทำการลงชื่อเข้าใช้ Google Analytics
- เลือกไปยัง "Admin" และเลือกแอ็กเคานต์ Google Analytics ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ
- เข้าไปในหน้า "Property Settings", คลิกที่ "Adjust Search Console" และเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่คุณได้เพิ่มใน Google Search Console
2.4 เชื่อมต่อ Google Ads (ถ้าใช้)
- หากคุณเปิดใช้ Google Ads, คุณสามารถเชื่อมต่อบัญชี Google Ads กับ Google Search Console เพื่อดูข้อมูลคำค้นหาจาก Google Ads ใน Search Console
- ใน Google Ads, ไปที่ "Settings" และเลือก "Linked accounts"
- คลิกที่ "Details" ใน "Google Search Console" และเลือกเว็บไซต์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ
2.5 ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
- หลังจากที่คุณเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณกับ Google Services ต่อไปควรทดสอบการเชื่อมต่อเพื่อให้แน่ใจว่ามันทำงานอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบข้อมูลจาก Google Search Console เพื่อตรวจสอบว่ามีการทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณโดย Google และตรวจสอบข้อมูลการค้นหาที่มาจาก Google Analytics
2.6 ตรวจสอบและปรับปรุงระบบตรวจสอบ
- ตรวจสอบ Google Search Console อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับคำค้นหา, การดัชนี, และปัญหาเทคนิคบนเว็บไซต์ของคุณ
- ปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาที่พบเพื่อเพิ่มความเป็นที่น่าสนใจในการค้นหาและอันดับ SEO ที่ดีมากยิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณกับ Google จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจและควบคุมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพราะสิ่งนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและประสิทธิภาพของสินค้าและบริการของคุณมากยิ่งขึ้น
3.ดูแลเว็บไซต์ให้พร้อมใช้งาน
การดูแลเว็บไซต์เพื่อให้พร้อมใช้งานเป็นกระบวนการส่วนสำคัญเพื่อรักษาคุณภาพของเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมีสิ่งที่ควรทำและควรดูแลดังนี้
3.1 รักษาความปลอดภัย
- ทำการอัปเดตระบบปฏิบัติการ, ซอฟต์แวร์, และปลั๊กอินที่คุณใช้
- ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ
- รักษาการสำรองข้อมูลของเว็บไซต์เป็นประจำ
3.2 จัดการเนื้อหา
- ทำการปรับปรุงหรือเพิ่มเนื้อหาใหม่ ๆ ในเว็บไซต์เพื่อรักษาความใหม่ของเนื้อหาและความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ของคุณ
- ตรวจสอบรายการเชื่อมโยงถึงหน้าแรกและหน้าสินค้าหรือหน้าบริการหลัก
3.3 ตรวจสอบและปรับปรุง SEO
- ตรวจสอบคีย์เวิร์ด, โครงสร้างเนื้อหาเพื่อปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์
- ดูแลการจัดองค์เนื้อหาให้มีโครงสร้างที่ดีและตรงตามหลักการทำ SEO
3.4 ตรวจสอบการเชื่อมโยง
- ตรวจสอบการเชื่อมโยงภายในและภายนอกเว็บไซต์เพื่อให้แน่ใจว่าลิงก์ยังทำงานอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบการเชื่อมโยงที่เสียหายและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
3.5 ปรับปรุงประสิทธิภาพ
- ทำการปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยใช้เครื่องมือเช็กความเร็ว เช่น Google PageSpeed Insights เพื่อคำนวณประสิทธิภาพของหน้าเว็บและตรวจสอบข้อจำกัดในการทำงานของเว็บไซต์
3.6 สร้างการสำรองข้อมูล
- สำรองข้อมูลเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำเพื่อป้องกันข้อมูลจากการสูญหายหรือบุกรุก
3.7 ตรวจสอบการทำงานบนอุปกรณ์และเบราว์เซอร์
- ทดสอบการทำงานของเว็บไซต์บนทุกอุปกรณ์และเบราว์เซอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณยังทำงานอย่างถูกต้อง
3.8 ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อของเว็บไซต์ของคุณในโซเชียลมีเดียและอัปเดตเนื้อหาหรือข่าวสารใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ
3.9 จัดการความถูกต้องและประสิทธิภาพของระบบการจัดการเนื้อหา (CMS)
- อัปเดตระบบการจัดการเนื้อหา, ปลั๊กอิน, และธีมของ CMS ให้มีรุ่นล่าสุด
3.10 ตรวจสอบประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์
- ตรวจสอบและปรับปรุงการแสดงผลและกิจกรรมตลาดออนไลน์ของคุณ
3.11 รักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของระบบเซิร์ฟเวอร์
- ดูแลการตั้งค่าของเซิร์ฟเวอร์และรักษาความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์
3.12 ตรวจสอบและปรับปรุงการสำรองข้อมูล
- ทำการสำรองข้อมูลระบบเซิร์ฟเวอร์และฐานข้อมูลเป็นประจำ
3.13 รายงานและวิเคราะห์ข้อมูล
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บ เพื่อตรวจสอบความประสิทธิภาพของเว็บไซต์ และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้และพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อนำมาปรับปรุงในอนาคต
การดูแลเว็บไซต์เป็นกระบวนการที่เจ้าของเว็บไซต์ควรทำอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งเน้นในการรักษาความปลอดภัย, ความถูกต้องในการจัดอันดับ SEO และเพื่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณ เพราะหากเว็บมีความน่าสนใจและมีเนื้อที่เป็นคุณภาพทาง SEO จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้ามาเยี่ยมชมของกลุ่มผู้ใช้ที่อาจเป็นกลุ่มลูกค้าให้กับคุณได้ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำการตลาดออนไลน์อีกด้วย