แชร์วิธีการปรับปรุงเนื้อหาการทำ SEO ให้ได้ Featured Snippets 2024
auttaphon auttaphon |
การทำการตลาดดิจิทัลและ SEO (Search Engine Optimization) ในปัจจุบันเพื่อให้ได้รับตำแหน่ง Featured Snippets บนหน้าแรกของผลการค้นหา Google ถือเป็นเป้าหมายที่หลาย ๆ ธุรกิจและเหล่าผู้เขียนคอนเทนต์ SEO ใฝ่ฝันถึงอยากให้เกิดขึ้นกับเว็บไซต์ที่ได้ทำบ้าง เพราะการได้ตำแหน่งนี้หมายถึงการได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานที่ค้นหาและมีโอกาสในการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงทำให้ปัจจุบัน การปรับปรุงเนื้อหาเพื่อให้ได้ Featured Snippets ไม่เพียงแต่จะต้องมีความเข้าใจในแนวทางการทำ SEO เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องอัปเดตกับแนวโน้มใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกของโซเชียลมีเดียออนไลน์ต่าง ๆ ด้วย
ปัจจุบันการทำงานของ Featured Snippets จะเป็นการใช้ข้อมูลที่ถูกดึงมาจากเว็บไซต์ที่ถูกแสดงในตำแหน่งพิเศษหรือเรียกว่าอันดับศูนย์ที่ด้านบนของหน้าแรกของผลการค้นหา Google ซึ่งเป้าหมายหลักของ Featured Snippets คือการให้ข้อมูลที่รวดเร็วและกระชับเกี่ยวกับคำถามหรือหัวข้อที่ผู้ค้นหากำลังมองหาในคำค้นหา (Keywords) ประเภทต่าง ๆ
ซึ่งประเภทของ Featured Snippets จะมี 3 ส่วนที่น่าสนใจได้แก่ ข้อความสั้น ๆ (Paragraph Snippets), รายการ (List Snippets), ตาราง (Table Snippets) ซึ่งแต่ละประเภทของ Featured Snippets จะเหมาะสมกับประเภทของข้อมูลที่ผู้ใช้ได้ทำการค้นหาที่มีความแตกต่างกัน เช่น แบบข้อความระบบจะทำการสุ่มตามคำตอบที่ถูกต้องและรวดเร็วโดยผู้ใช้งานอ่านและสามารถเข้าใจได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องกดเข้ามาในเว็บไซต์เป็นต้น
เมื่อคุณจำเป็นต้องเขียนบทความคุณควรเริ่มต้นด้วยการค้นหาคำค้นหาหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่คุณต้องการให้คอนเทนต์ของคุณได้รับ Featured Snippets ด้วยการใช้เครื่องมือตัวช่วยในการทำ SEO ฟรี เช่น Google Keyword Planner, SEMrush, Ubersuggest เพื่อทำการเช็กดูว่าคำค้นหานั้นมีปริมาณการค้นหาเท่าใดและทำการเปรียบเทียบเพื่อให้คอนเทนต์สามารถจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้
ปัจจุบันการสร้างเนื้อหาที่กระชับและตรงประเด็นจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการเกิด Featured Snippets ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันการเกิด Featured Snippets มักจะต้องมีคำตอบที่ตรงประเด็นและสั้นกระชับ เนื่องจากการตอบคำถามที่เฉพาะเจาะจงในย่อหน้าเดียวหรือในรายการสั้น ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกดึงมาเป็น Featured Snippet ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การใช้หัวข้อและคำถามที่ชัดเจนจะช่วยทำให้ Google รู้ว่าหัวข้อและเนื้อหานี้คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร ซึ่งหากตรงกับคำถามของผู้ใช้งานจะทำให้ไม่เป็นเรื่องยากที่จะถูกดึงให้เกิดเป็น Featured Snippets
ปัจจุบันการลงบทความถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากการใช้ฟอร์แมตที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดการจัดลำดับของข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น การลงบทความที่เป็นข้อความสั้น ๆ ควรใช้ย่อหน้าเดียวที่ตอบคำถามได้โดยตรง และสำหรับการลงคอนเทนต์ที่เป็นรูปแบบรายการ ควรใช้ลิสต์แบบมีลำดับหรือไม่มีลำดับที่ชัดเจน และสำหรับการลงข้อมูลแบบตาราง คุณควรที่จะจัดระเบียบข้อมูลให้อ่านง่ายเพื่อประโยชน์ของการแสดงผลในทันที อีกทั้งการใช้แท็ก HTML อย่างแท็ก <h1>, <h2>, <h3> จะช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเนื้อหาและเน้นหัวข้อสำคัญได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เมื่อคุณหาข้อมูลมาควรให้เครดิตของแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น การทำ Backlinks กลับไปยังเนื้อหาที่สำคัญภายในของข้อมูลเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ที่เรานำข้อมูลมาได้รับคะแนน SEO ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณในอนาคตได้หากเว็บไซต์ที่เราให้เครดิตติดต่อกลับมาเพื่อแลก Backlinks กับเว็บไซต์ของคุณ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเป็นต้น
การติดตามผลลัพธ์ด้วยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ในการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Semrush เพื่อติดตามประสิทธิภาพของเนื้อหาของคุณในเรื่องของ Featured Snippets และปรับปรุงตามผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสได้รับการเกิด Featured Snippets ที่ง่ายมากยิ่งขึ้นได้เพราะ Semrush ถือเป็น Tool ที่มีประสิทธิภาพในการติดตามอันดับของ Keywords ได้อย่างมีคุณภาพอีกทั้งการปรับปรุงเนื้อหาอย่างต่อเนื่องด้วยทำการอัปเดตและปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ข้อมูลมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลาจะช่วยสร้างความเชื่อถือให้กับคอนเทนต์ของคุณได้
หากคุณต้องการให้เว็บไซต์มีโอกาสในการเกิด Featured Snippets มากยิ่งขึ้น การทำตามวิธีการที่เรานำมาแนะนำเหล่านี้จะสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสที่สูงขึ้นในการได้รับตำแหน่ง Featured Snippets บนหน้าแรกของผลการค้นหาของ Google ได้ซึ่งจะมีผลดีต่อเว็บไซต์ของคุณตามมามากมาย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ ๆ ให้กดเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณได้มากยิ่งขึ้น และจะสามารถช่วยให้ยอด Traffic ของเว็บไซต์คุณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานเหล่านั้นสามารถกลายมาเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจของคุณและช่วยให้ธุรกิจคุณได้ผลกำไรที่มากขึ้น
พื้นที่สำหรับโฆษณา
(ภาพโปรโมชัน สไลด 5-6 ภาพ)